สมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 ของ ชาร์ล_เดอ_โกล

ชาร์ล เดอ โกล ได้เลือกที่จะใช้ชีวิตเป็นทหารอาชีพ และเขาก็ได้เรียนที่โรงเรียนเตรียมทหารพิเศษแซ็ง-ซีร์ (École spéciale militaire de Saint-Cyr) เป็นเวลากว่า 4 ปี และได้เข้าร่วมกองทหารราบแทนที่จะเลือกหน่วยทหารหัวกะทิ

เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 1 ได้สิ้นสุดลง ชาร์ล เดอ โกล ยังคงอยู่ในกองทัพ เป็นนายทหารของพลเอก Maxime Weygand และพลเอกฟีลิป เปแต็ง อย่างต่อเนื่อง ในระหว่างสงครามโปแลนด์-โซเวียต (พ.ศ. 2462 - พ.ศ. 2464) เขาได้อาสาเข้าไปเป็นสมาชิกของหน่วยภารกิจทหารฝรั่งเศสเพื่อโปแลนด์ และได้เป็นครูฝึกทหารราบให้แก่กองทัพโปแลนด์ ต่อมาเขาได้แยกตัวออกเพื่อที่จะเข้าร่วมภารกิจใกล้ ๆ แม่น้ำ Zbrucz (บริเวณประเทศยูเครน)และได้รับเครื่องอิสริยาภรณ์ทางทหารอันสูงสุดของโปแลนด์ นั่นก็คือเครื่องอิสริยาภรณ์ Virtuti Militari

เขายังได้เลื่อนขั้นเป็นผู้บังคับบัญชาหน่วยและยังได้ข้อเสนอให้ทำงานต่อที่ประเทศโปแลนด์ แต่เขากลับเลือกที่จะกลับมาทำงานในประเทศฝรั่งเศส และได้เป็นนายทหารเสนาธิการและได้สอนที่โรงเรียนเตรียมทหาร (École Militaire) เป็นผู้อยู่ในอุปถัมภ์ของผู้บังคับบัญชาคนเก่าของเขา คือ พลเอกฟีลิป เปแต็ง ชาร์ล เดอ โกลนั้นได้รับอิทธิพลจากสงครามโปแลนด์-โซเวียตเป็นอย่างมากด้วยการใช้รถถัง เคลื่อนพลอย่างรวดเร็ว และการทำสงครามในสนามเพลาะ เขายังได้เรียนรู้บางสิ่งบางอย่างเพื่ออนาคตทางทหารและการเมืองของเขาจากจอมพล Józef Piłsudski แห่งโปแลนด์ ในเรื่องการก่อตั้งสหภาพยุโรป

นายร้อยชาร์ล เดอ โกล

ชาร์ล เดอ โกลได้เห็นขอแตกต่างระหว่างสงครามโปแลนด์-โซเวียตและสงครามโลกครั้งที่ 1 เป็นอย่างมากโดยเฉพาะในด้านประสบการณ์ ซึ่งเขาก็ได้ออกหนังสือหลายเล่มที่เกี่ยวกับการจัดการการทหารโดยเฉพาะเล่มที่ชื่อว่า ไปสู่ทหารอาชีพ (Vers l'Armée de Métier) ที่เขาได้เสนอองค์ประกอบของทหารที่มีประสิทธิภาพพร้อมกับหน่วยทหารติดอาวุธ และเหนือกว่านั้นคือแนวคิดที่เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ แนวกำแพงมาชิโนต์ (Maginot Line)

แนวคิดเดียวกันนี้ได้ก้าวหน้าไปโดย:

แต่ถึงกระนั้นแนวคิดของชาร์ล เดอ โกลก็ได้ถูกปฏิเสธจากทหารคนอื่น ๆ โดยเฉพาะพลเอกฟีลิป เปแต็ง ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งตึงเครียดขึ้น นักการเมืองฝรั่งเศสเองก็ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดนี้ ทำให้เป็นที่สงสัยในความน่าเชื่อถือของทหารอาชีพต่อนักการเมือง ยกเว้น Paul Reynaud ที่จะมีบทบาทสำคัญต่อชาร์ล เดอ โกล

เดอ โกล เองก็ได้ติดต่อกับ Ordre Nouveau (New Order) ในช่วงปลายปี พ.ศ. 2477 ถึงต้นปี พ.ศ. 2478 ซึ่งเป็นกลุ่มการเมืองที่ต้องการการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในปัญหาเรื่องเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งแนวคิดทางการเมืองของกลุ่มนี้อยู่ในปีกฝ่ายขวา และต้องการที่จะสร้างทางที่ 3 ขึ้นมาระหว่างสังคมนิยมกับทุนนิยม และต่อต้านเสรีนิยม รัฐสภานิยม ประชาธิปไตย และฟาสซิสต์

เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 ปะทุขึ้น ชาร์ล เดอ โกลมียศเพียงแค่ พันเอก และเขาก็ได้เป็นปฏิปักษ์ต่อผู้นำทางทหารตั้งแต่ต้นประมาณปี พ.ศ. 2463 มาเรื่อย ๆ ต่อมากองทัพเยอรมันได้ยาตราทัพเข้าตีเมืองเซอดังในวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2483 เขาก็เลยได้เป็นผู้บังคับการ กองทหารรถถังที่ 4

ในวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2483 เขาได้โจมตีรถถังเยอรมันบริเวณ Montcornet ด้วยรถถังเพียง 200 คันและไม่มีกำลังทางอากาศสนับสนุนซึ่งทำได้เพียงต่อต้านการรุกคืบหน้าของกองทัพเยอรมันเท่านั้นเอง ต่อมาในวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2483 เขาได้โจมตีกองทหารราบของเยอรมัน จนถอยไปถึง Caumont และนี่ก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจเพราะเป็นยุทธวิธีไม่กี่วิธีที่ทำให้ฝรั่งเศสมีชัยต่อกองทัพเยอรมันในเวลานั้น ซึ่งนายกรัฐมนตรีปอล เรย์โนด์ ได้แต่งตั้งให้เขาเป็นผู้บัญชาการกองพลน้อย หรือที่เรียกว่า Général de brigade (เทียบเท่านายพลจัตวา) ซึ่งทำให้เขาเป็นที่เรียกว่า Général de Gaulle ในเวลาต่อมา

วันที่ 6 มิถุนายน ปอล เรย์โนด์ ได้แต่งตั้งเขาเป็นปลัดกระทรวงกลาโหมและสงคราม และให้เขาดูแลเรื่องการประสานงานกับสหราชอาณาจักร ในฐานะที่เขาเป็นคนใหม่ในรัฐบาลฝรั่งเศส เขาล้มเหลวในการต่อต้านการยอมแพ้ของฝรั่งเศส และการสนับสนุนในการย้ายรัฐบาลไปยังแอฟริกาเหนือและต่อสู้กับกองทัพเยอรมันให้ถึงที่สุดจากเมืองขึ้นฝรั่งเศส เขาได้รับตำแหน่งนายทหารประสานงานกับสหราชอาณาจักรและเขาก็ได้เสนอวินสตัน เชอร์ชิลล์ ในการรวมประเทศฝรั่งเศสเข้ากับสหราชอาณาจักรเป็นประเทศเดียวกัน ด้วยทหารและรัฐบาลเดียวกันในระหว่างสงครามนี้ ซึ่งเป็นข้อเสนอสุดท้ายเพื่อชาวฝรั่งเศสที่ต้องการจะสู้ในสงครามต่อไป ในวันที่ 16 มิถุนายน ในกรุงลอนดอน

เขาได้ขึ้นเครื่องบินกลับไปยังบอร์โด (รัฐบาลเฉพาะกาลของสาธารณรัฐฝรั่งเศส) ในบ่ายวันเดียวกัน และเพิ่งได้ข่าวว่าฟิลิป เปแต็ง ได้เป็นนายกรัฐมนตรีพร้อมกับความคิดที่จะสงบศึกกับเยอรมนี

วันนั้นเองที่เขาได้ตัดสินใจในสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขาและประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของฝรั่งเศสนั่นคือการประกาศไม่ยอมรับการยอมแพ้ของฝรั่งเศสและยังได้ต่อต้านกฎหมายของรัฐบาลของเปแต็ง (ซึ่งในมุมมองของเขาคือกฎหมายที่ไม่ชอบธรรม) และได้ประกาศทำสงครามต่อกับอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ต่อมาในวันที่ 17 มิถุนายน เขาได้หลบหนีออกจากบอร์โดพร้อมกับทองคำ 100,000 ฟรังก์ซึ่งเป็นเงินลับที่ ปอล แรโน ได้ให้เขาในคืนก่อน เขาหนีรอดอย่างหวุดหวิดจากเครื่องบินรบเยอรมันและถึงกรุงลอนดอนในบ่ายวันนั้น เดอ โกลได้ปฏิเสธการยอมจำนนของประเทศฝรั่งเศสและเตรียมพร้อมในการเคลื่อนไหวเพื่อที่จะต่อสู่กับเยอรมนี ดังนั้นการเกิดสงครามกลางเมืองฝรั่งเศสก็สามารถปะทุขึ้นได้ทุกเวลา ยุคฝรั่งเศสเขตวีชีที่อยู่ข้างฝ่ายอักษะได้ก่อกำเนิดแล้ว จะต้องต่อสู้กับแนวร่วมการปลดปล่อยฝรั่งเศสนำโดยชาร์ล เดอ โกลที่ปฏิเสธและต่อต้านการสงบศึก

ใกล้เคียง

ชาร์ลี แชปลิน ชาร์ลี พูท ชาร์ลี เอ็กซ์ซีเอ็กซ์ ชาร์ล เดอ โกล ชาร์ลีซ เทรัน ชาร์ลี กับ โรงงานช็อกโกแลต ชาร์ลอตต์ แฟลร์ ชาร์ล เลอแกลร์ ชาร์ล็อทเทอแห่งเมคเลินบวร์ค-ชเตรลิทซ์ ชาร์ลอตต์